วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

นักศึกษา ปี 3 ที่เรียนวิชา English for PRs  ให้ฝึกการเขียนภาษาอังกฤษใหม่นะคะ เพราะภาษาของพวกคุณ อ่านแล้วชวยปวดหัวอย่างยิ่ง โดยเฉพาะใน test
   ฝึกอ่านเยอะ ๆ นะ  Read to write or Read for best  writing

responsible / responsibility

            หัวข้อที่ดิฉันเขียนในวันนี้เป็นเรื่องสืบเนื่องของการใช้ Have นะค่ะ  ซึ่งเป็นงานเขียนของนักศึกษาอีกเช่นเคย  แต่คราวนี้เป็นคนละคนกันค่ะ   ประโยคที่นักศึกษาเขียนและขอยกมาเป็นตัวอย่างในวันนี้คื่อนักศึกษาใช้ประโยคที่พูดถึงคุณสมบัติของนักประชาสัมพันธ์์ว่า  You should have responsible.  ซึ่งคำว่า responsible เป็นคำคุณศัพท์ (adj.)  หากนักศึกษาวิเคราะห์โครงสร้างของประโยคนี้แล้ว จะพบว่าหลังคำว่า have น่าจะเป็นคำนามมากกว่า  นั่นคื่อคำว่า responsibility แปลว่า ความรับผิดชอบ   ประโยคที่ถูกต้องจึงกลายเป็น
                      You should have responsibility.   คุูณ (นักประชาสัมพันธ์) ควรจะมีความรับผิดชอบ
ต่อไปคงจะใช้กันถูกต้องนะคะ                                             

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

การใช้ Have

          เมื่อเช้านี้ ได้ตรวจงานของนักศึกษาซึ่งเป็นใบงานที่ให้เขียนอธิบายคุณสมบัติของนักประชาสัมพันธ์ หรือที่มักเรียกกันว่า PR Officer นั่นแหละ ให้เขาเขียนตอบว่า นักประชาสัมพันธ์ควรมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง ครูพบว่า นักศึกษายังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้คำว่า Have กันเยอะเชียวล่ะ
เช่น นักศึกษาเขียนคำตอบว่า
 -Have knowledge about media and public relation มีความรู้ด้านสื่อและการประชาสัมพันธ์
 -Have experience มีประสบการณ์
Have  positive attitude toward public relations มีทัศนคติที่ดีต่อการประชาสัมพันธ์
           ซึ่งตัวอย่างดังกล่าวข้างต้นนี้เป็นข้อความที่นักศึกษาเขียนตอบมาในใบงานจริงๆ นะ  ซึ่งดิฉันขอบอกให้ผู้อ่านทุกท่านทราบว่า  การใช้คำกริยา Have ขึ้นต้นประโยคในภาษาอังกฤษนั้น เขาไม่ใช้กันค่ะ  หากนักศึกษาคนใดอ่านเจอบทความนี้ ก็ช่วยเข้าใจให้ถูกด้วยนะคะ    ซึ่งการแก้ไขประโยคข้างต้นให้ถุกต้อง หรือการเขียนถึงคุณสมบัติของนักประชาสัมพันธ์ ก็ควรมีประธานในประโยคด้วย
ซึ่งอาจเป็น
           PR Officers should have knowledge about media and public relation
          แปลว่า เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ควรมีความรู้ด้านสื่อและการประชาสัมพันธ์    หรืออาจใช้สรรพนาม They แทนก็ได้    
          ส่วน หน้าคำว่า have  อาจใช้ should (ควรจะ) หรือ must (ต้อง) ก็ได้ซึ่งขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้เขียนเอง
          นี่แหละการเขียนของนักเรียนนักศึกษาไทย ชอบยึดหลักการตามภาษาพูดในภาษาไทย ซึ่งเป็นข้อเสียอย่างหนึ่งที่พบเห็นกันบ่อยทีเดียว
          บางคนคงเคยได้ยินสำนวนไทยที่ใช้อวยพรให้เจ้าภาพจงเจริญหลังจากไปกินเหล้าฟรีในงาน ว่า คิดเงิน ขอให้ได้เงิน คิดทอง ขอให้ได้ทอง    นักศึกษายังนำมาใช้เลยค่ะ
                      Think gold, have gold
                      Think money, have money
ตรงดีมั๊ยคะ  ไม่ต้องคิดมากเลย ไม่ทราบฝรั่งฟังแล้วจะงงหรือปล่าวนะ แต่คนไทยไม่คงแน่ ๆ
ถ้านำสำนวนดังกล่าวมาใช้ในหมู่เพื่อนที่สนิทสนมเป็นกันเองคงไม่เป็นไร แต่อย่าใช้บ่อยนักนะ

พบกันใหม่นะคะ

วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

การนอนดึก

วันนี้ได้รับเมล์จากเพื่อนเรื่องการนอนดึก  อ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน จึงขอแบ่งปันให้ผู้สนใจอ่าน ลองอ่านดุนะคะ

การนอนดึกเป็นเหตุให้อายุสั้น เท่ากับเร่งวันตายให้ตัวเอง การทำงานดึกทำให้ร่างกายล้า เหมือนกับเครื่องยนต์ Overload ไม่ช้าเครื่องก็พัง
วิธีแก้ไขในกรณีต้องทำงานดึก ( เพื่อไม่ให้ร่างกายโทรมเร็ว )
ผู้ที่มีหน้าที่บริหารงาน มักจะพบปัญหานี้กันมาก เพราะต้องเร่งงาน
ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคนนอนดึก
1.
ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ เกิดอาการล้า
2.
ระบบร่างกายจะรวน ดังนี้
 
ระบบการย่อยอาหาร
ท้องอืด ท้องเฟ้อง่าย อาหารย่อยไม่ดี ทำให้อุจจาระหยาบ คืออาหารที่ทานเข้าไป ถ้าไม่นอนดึกอุจจาระจะสวย ไม่มีเศษอาหารติดอยู่ เหมือนกับแท่งทอง แต่ถ้าอดนอนแล้วอุจจาระจะหยาบ จะมีเศษอะไรต่างๆ ติดอยู่ เหมือนกับรถที่มีเขม่าติด เกิดจากการที่ร่างกายย่อยไม่หมด เพราะล้า
แนวทางแก้ไข ให้ลดอาหารประเภทเนื้อสัตว์ อาหารเหนียวๆ มิฉะนั้นลำไส้ทำงานหนัก ยิ่งนอนดึกแม้เราหลับไปแล้ว แต่ลำไส้ไม่หลับ ยังคงย่อยอยู่ต่อไป พอตื่นขึ้นมาก็เพลีย ให้ทานไข่ นม แทนพวกเนื้อสัตว์ ก็จะพอถูไถไปได้ มิฉะนั้นท้องจะผูกเป็นประจำ ริดสีดวงทวารจะถามหา ( ถ้าหากอ้วนก็ให้ทานนมแทนไข่ )
 
ท้องผูก มี 2 ลักษณะ
1.
ผูกแข็ง คือ อุจจาระแข็ง
2.
ผูกเหลว คือ อาการถ่ายอุจจาระไม่หมด ยังค้างอยู่ แต่ลำไส้ล้า กระเพาะอาหารล้า ทำให้ไม่มีแรงบีบให้ออกจนหมด ดังนั้นในวันหนึ่งๆ จึงต้องถ่ายหลายครั้ง โรคที่จะตามมาก็คือ ผื่นคันบริเวณขาหนีบ ( ไม่ใช่เพราะความสกปรกหมักหมม ) จะคันทั้งวัน ปกติอุจจาระจะกึ่งแข็งกึ่งเหลว ถ้าแข็งแสดงว่าส่วนที่เป็นน้ำได้ซึมกลับเข้ามาในลำไส้ ซึ่งมันเป็นของเสียที่ต้องขับออก ผลก็คือทำให้น้ำเหลืองเสีย ก็จะมาประทุบริเวณเนื้ออ่อนๆ เช่นที่ขาหนีบ สาเหตุก็มาจากท้องผูกนั่นเอง เพราะฉะนั้น อย่านอนดึก ถ้าต้องดึกก็ให้ออกกำลังหน้าท้อง ให้ท้องเกิดกำลัง จะได้รีดอุจจาระออกมาได้เร็ว ทานเสร็จแล้วอย่านอน ให้เดินสักครึ่งชั่วโมง เพราะพอขาได้เดิน ลำไส้มันก็ต้องไปกับขาด้วย จะช่วยทำให้ย่อยได้ดีขึ้น ท้องจะผูกน้อยลง ผื่นคันก็จะหาย ถ้ายังไม่หาย ( เนื่องจากอายุมาก ) ให้ทานน้ำขิงสด ( ไม่ใช่ขิงผงเป็นซองๆ ) พวกที่นอนดึกต้องให้ท้องอุ่นมากๆ ให้หาผ้ามาห่ม เดี๋ยวท้องจะอืด เฟ้อ บางทีต้องให้เท้าอุ่นด้วย ให้หาถุงเท้ามาใส่ มิฉะนั้นเท้าจะชา
 
ระบบปัสสาวะ
ถ้านอนไม่ดึก ประมาณ 3-4 ทุ่ม พอตื่นเช้าขึ้นมาจะปัสสาวะครั้งเดียวจบ แต่ถ้านอนดึก ยิ่งนอนตีหนึ่ง กลางดึกจะต้องลุกเข้าห้องน้ำถี่ เพราะร่างกาย Overload ต้องการน้ำมาก กล้ามเนื้อข้างในจะบีบคั้นเอาพลังงานออกมาใช้ จึงต้องใช้น้ำมาก ผลก็คือปัสสาวะบ่อย ทำให้พวกเกลือแร่ที่อยู่ในร่างกายจะถูกขับออกมาพร้อมกับปัสสาวะด้วย ยิ่งอายุ 35 ขึ้นไปจะยิ่งแย่
แนวทางแก้ไข ให้ทานแคลเซี่ยมเม็ดได้ แต่อย่ามาก แค่ 1 เม็ดก็พอ ถ้าทานมากจะทำให้แคลเซี่ยมพอก คืออาการที่กระดูกงอกทับเส้นประสาท ( ถ้าเป็นแล้วต้องให้คนนวด และทานยาละลายแคลเซี่ยมช่วย ) ถ้าไม่ทานแคลเซี่ยมชดเชย จะทำให้เลือดจาง เม็ดโลหิตจาง
สรุปแล้วการอดนอน เท่ากับเร่งวันตายให้ตัวเอง
การนอนดึกต้องดื่มน้ำให้มาก และเติมเกลือในน้ำด้วย คือพอเราดื่มแล้วมันออกมาหมดทั้งทางปัสสาวะและเหงื่อ เราทานเกลือมากๆ ยังออกทางเหงื่อได้ แต่ถ้าทานแคลเซี่ยมมากทำให้กระดูกงอก ส่วนโค้ก เป๊ปซี่ กระทิงแดง อย่าทาน พอเราอยู่ดึกและกลั้นปัสสาวะ มันจะซึมกลับเข้าเส้นเลือด ทำให้น้ำเหลืองเสีย ก็จะไปประทุที่ขาหนีบ หรือท้องแขนเป็นเม็ดแดงๆ เป็นจ้ำขึ้นทั่วเลย บางคนไม่กลั้น แต่ดื่มน้ำน้อย อาการก็จะเหมือนกับการโม่แป้งฝืดๆ ลำไส้บีบตัวไม่ไหว ต้องเค้น ก็จะเพลีย แต่ถ้าดื่มน้ำมาก ทำให้ถ่ายสบาย ถ้าดื่มน้ำน้อยจะทำให้กรดยูเรียเข้มข้น พอเรากลั้นปัสสาวะมันก็จะซึมเข้าเส้นเลือด ทำให้น้ำเหลืองเสีย ถ้ากลั้นบ่อยๆ จะทำให้ปัสสาวะไม่หมด
ระบบเหงื่อ
คนที่ไม่มีเหงื่อออก จะแย่ ถ้าขับเหงื่อให้ออกได้ร่างกายสบาย ถ้าเหงื่อไม่ออกความร้อนภายในร่างกายจะระบายไม่ได้ ทำให้อึดอัด ของเสียในร่างกายก็ออกไม่ได้ โรคผิวหนังจะถามหา สิวฝ้าจะขึ้น เพราะฉะนั้น ดื่มน้ำให้มากพอและออกกำลังกาย เท่านั้นพอ เอาจนเหงื่อออกให้ได้ คนนอนดึกเหงื่อจะไม่ค่อยออก ของเสียตกใน สิวฝ้าขึ้น มันก็จะไปออกทางปัสสาวะแทน ไตเลยทำงานหนัก
ระบบหายใจ
ระบบหายใจจะเสียตามมา ร่างกายจะเอาออกซิเจนไปแลกเลือดดำให้เป็นเลือดแดงได้ต้องมีความชื้น ถ้าความชื้นน้อยมันจะไม่แลก ทำให้อึดอัด เหมือนอยู่ห้องแอร์แล้วอึดอัด เพราะความชื้นไม่พอ ไม่ใช่อากาศไม่พอ อากาศมันแห้งเลยเอาความชื้นในตัวเราไป ทำให้ปอดทำงานไม่สะดวก และออกซิเจนไม่ได้
แนวทางแก้ไข ให้เอาน้ำใส่กะละมังไว้ข้างตัว ยิ่งเป็นน้ำร้อนยิ่งดี ถ้าอึดอัดให้เอาผ้าหนุนเท้าให้สูง เลือดก็จะไหลลงมาได้ จะทำให้นอนสบาย การดื่มน้ำหวานๆ ตอนอยู่ดึกๆ ก็ช่วยได้ แต่อย่าหวานมากจะทำให้อ้วน ถ้าจะให้ดีที่สุดอย่าอยู่ดึก ดึกได้เป็นครั้งคราวถ้าจำเป็น คนนอนดึกเสียงจะแห้ง เพราะไตมันล้า การใช้สบู่ ให้ใช้สบู่เด็ก เพราะเป็นสบู่อ่อน การกัดจะน้อย อย่าใช้สบู่แรงๆ ให้ฟอกสบู่วันละครั้งก็พอ


 เห็นมั๊ยคะ การนอนดึกนั้นไม่ดีเลย  ซึ่งปัจจุบันพบว่าวัยรุ่น (ลูกศิษย์ และหลาน ๆ ที่บ้าน )มักนอนดึกมาก บางคืนนอนตอนใกล้รุ่ง  ตอนเช้าก็พาลไม่อยากตื่น ไปเรียนสาย  ระบบการทำงานของร่างกายเปลี่ยนแปลงไปหมด  นาฬิกาชีวิตทำงานผิดเวลา  ก็ส่งผลให้ร่างกายเป็นโรคต่าง ๆ ตามมา

วันนี้อย่านอนดึกนะคะ



การใช้ go + shopping

        เมื่อวานได้สอนนักศึกษาห้องหนึ่ง และได้ต้้งคำถามว่า What do you usually do on weekends?
หลายคนก็ตอบคำถามที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็ตอบสั้น ๆ ว่า "Watch T.V." , "Shopping" , "Sleeping"
บางคนก็ตอบเป็นประโยคยาวที่สมบูรณ์ ว่า "I help my mother to sell fruits at the market.", " I go to shopping at Tesco Lotus.
        เราจะเห็นได้ว่าจากประโยคข้างต้น ที่ยกมาเล่านั้น ยังมีประโยคที่ไม่ถูกต้องอยู่ คือ  I go to shopping at Tesco Lotus. จริง ๆ ประโยคนี้ หลังคำว่า go ไม่ต้องมี to เนื่องจากเป็นกริยาวลีที่กำหนดไว้ว่า คำในกลุ่มต่อไปนี้ ไม่ต้องมี to ตามหลัง เช่น  go shopping ไปซื้อของ, go swimming ไปว่ายน้ำ, go skiiing ไปเล่นสกี, go bicycling ไปปั่นจักรยาน, go skating ไปเล่นเสกต, go fishing ไปตกปลา และอื่นๆ อีกหลายคำ ซึ่งนักศึกษาหรือผุู้สนใจคงเคยได้ยินกันบ้างแล้ว แต่มักจะยังคงใช้กันผิด เพราะเคยชิน เช่น I go to the market ประโยคนี้ต้อง มี to เพราะเป็นการบอกสถานที่ปลายทางที่ไป
     ขอตัวไปสอนก่อนนะ พบกันใหม่ค่ะ

เมื่อเราสูงวัยขึ้น

สวัสดี เพื่อน ๆ ผู้อ่านทุกท่าน
   
          ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสในการพูดคุย แบ่งปันความรู้ และความรู้สึกให้กับผู้ที่รักการอ่านบนหน้าจอทุกคน วันนี้  แมวแจวเรืออยากบอกกับเพื่อน ๆ ว่า อนิจจังโลกนี้หนอช่างไม่เที่ยงจริง ๆ เมื่อก่อนก็ทนงตัวเองเสมอเลยว่า สายตาเราดีมากมองอะไรก็ชัดเจน ไม่ว่าจะอยู่ในระยะไกลหรือใกล้เพียงใด มี saleman มาวัดสายตา ขายแว่นตา เรานี้รีบหนี้เลยเพราะคิดว่าไม่จำเป็น จะตัดไปทำไมให้เปลืองเงิน 
แต่ทว่า ช่วง สัปดาห์นี้ นั่งพิมพ์งานหน้าจอมากไปหน่อย  รู้สึกปวดหัวจี๊ดๆ บ่อยครั้ง  เริ่มเบลอ มองอะไรไม่ค่อยชัดแล้ว  อนิจจัง  ถึงเวลาแล้วเหรอเนีี่ย  คงหนีไม่พ้นร้านขายแว่นตาซะแล้วมั้ง
         เมื่อสูงวัยขึ้น ก็เป็นเช่นนี้เอง  ก็ได้คำแนะนำจากผู้ร่วมงาน คือ อาจารย์โสภณ เปียสนิท ท่านบอกว่าให้บริหารกล้ามเนื่้อตา  ด้วยวิธียกน้ิวชิี้ขึ้นให้อยู่ในระดับสายตา  ยื่นไปข้างหน้า ห่างจากใบหน้าประมาณ 1 ช่วงแขน และเพ่งสายตาที่ปลายน้ิวชืีนั้น ค่อย ๆ ดึงเข้าใกล้ตา และ ดึงเข้า ออก นับไปประมาณ 60 คร้้งก็จะดีขึ้น  ใครสนใจก็ลองทำดูนะ    อาการปวดตาค่อย ๆ บรรเทาจริง  ขอยกคุณความดีนี้ให้ อ.โสภณ ด้วยนะคะ  แล้วจะลองทำดูบ่อย ๆ แล้วคุณล่ะเร่ิมทำหรึอยัง